Wednesday 8 June 2011

The Verdict

โปรแกรมอดล้างพิษ 10 วันของฉันประกอบไปด้วย 2 วันแรกเป็นวันเตรียมหรือเรียกว่า Pre Cleansing มื้อแรกของวันอยู่ที่ 9 โมงเช้า สิ่งที่ต้องดื่มเข้าไปก็คือ “Liver Flush Drink” ซึ่งประกอบไปด้วย ส้ม มะนาว ขิง กระเทียม และพริกป่น -_- นำมาปั่นรวมกัน รสชาติก็ออกจะประหลาดประแล่มๆ ฉันสามารถสรุปได้ใจความว่ารสชาติมันเหมือน “น้ำจิ้มข้าวมันไก่” T_T ซึ่งฉันจะต้องดื่มในปริมาณหนึ่งแก้วโต ชวนอ้วกชะมัด ดื่มเสร็จก็ต้องนอนตะแคงขวาประมาณ 20 นาทีพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ เวลาหายใจออกก็ต้องส่งเสียง  ssssssssss ไปด้วย เหมือนกับเสียงงูน่ะ ทางนั้นเค้าบอกว่ามันคือเสียงสำหรับตับ (แต่ละอวัยวะจะมีเสียงต่างกัน) เครื่องดื่มนี้เป็นเครื่องดื่มที่จะช่วยทำความสะอาดตับซึ่งมีหน้าที่กรองของเสียออกจากร่างกาย ก็เลยต้องทำเสียงแบบนี้ไปด้วย ประหลาดดีแท้ ส่วนมื้อกลางวันและมื้อเย็นสิ่งที่กินได้ก็คือสลัดผักสดชามโต ราดน้ำสลัดที่ทำจากเกลือ น้ำมันมะกอก และมะนาวเท่านั้น จะว่าไปฉันว่ารสชาติผักสดๆ ราดน้ำสลัดแบบนี้ก็อร่อยใช้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ระหว่างวันถ้าหิวก็กินผลไม้ หรือน้ำผลไม้คั้นสดได้ไม่อั้น
กินเหมือนเดิมแบบนี้อยู่สองวัน วันที่สามคือวันอดที่แท้จริง วันทั้งวันกินได้แต่ Detox Drink ซึ่งก็คือน้ำที่ผสมผงวุ้นทำจากอะไรสักอย่างรสชาติแย่มากๆ กินแก้วแรกยังพอทน แต่หลังๆ ชักจะทนไม่ไหว (วันหนึ่งต้องกินทั้งหมด 5 แก้ว) กินทีไรจะอ้วกออกมาทุกที (โชคดีที่วันหลังๆ ถามเขาว่าผสมน้ำผลไม้แทนน้ำเปล่าได้มั้ย เขาบอกว่าได้ก็เลยช่วยเรื่องรสชาติได้บ้าง) สลับกับน้ำผลไม้คั้นสด และ Supplement ที่เขาแจกให้ โดยจะมีเวลากินที่แน่นอนแนบมาด้วย ส่วนมื้อเย็นจะเป็นน้ำซุปผักที่เคี่ยวจากผักหลากชนิด รสชาติดีจนไม่น่าเชื่อว่ามันคือซุปผัก กินวันแรกๆ อร่อยดีแท้ แต่วันหลังๆ ก็รู้สึกว่ารสชาติแย่แล้วล่ะ จะต้องต้องกินซ้ำๆ แบบนี้อยู่เป็นเวลา 7 วัน ตอนคิดจะทำไม่รู้สึกอะไร แต่พอได้กินจริงๆ ผ่านไปสองวันก็เริ่มอยากจะหยุดซะแล้ว เริ่มเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าความหิวที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร (วันหลังเวลาหิวนิดๆ หน่อยๆ จะได้บอกตัวเองได้ว่าเรื่องเล็กน่า)
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการเข้าโปรแกรม Detox ครั้งนี้คือการฝึกโยคะในตอนเช้า และการทำ Colema  (สวนล้างลำไส้ด้วยน้ำเปล่า หรือกาแฟ หรือ Apple Cider หรือ กระเทียม) เช้าและเย็นวันละสองรอบ ทำ Reiki (มันคืออะไร? ทำไปแล้วฉันยังงง) แล้วก็นวดผ่อนคลาย (โชคดีหน่อยที่สปาเป็นของฉันเอง ฉันเลยนวดไปซะหลายรอบ สบายจริงๆ)
การฝึกโยคะโดยมีครูนำทำให้ฉันรู้สึกว่าที่ตัวเองฝึกเองที่บ้านที่ผ่านมานั้นทำผิดเกือบจะหมดเลย คือทำไม่ถึงเท่าที่ควรจะทำน่ะ ส่วน Colema ตอนแรกก็รู้สึกกลัวและตื่นเต้นไปหมด แต่พอทำแล้วก็รู้สึกสบายดี ยิ่งเห็นสิ่งที่มันเกาะอยู่ในลำไส้ออกมาด้วยยิ่งสะใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้ทำความสะอาดล่ะ อะไรที่มันสกปรกถึงได้ออกมาซะขนาดนี้ 555
ในแง่ของจิตใจและแรงกาย ฉันว่าฉันก็ไม่ได้มีความรู้สึกอ่อนระโหยโรยแรงแต่อย่างใด เพียงแต่พลังงานน้อยลง อารมณ์ที่จะคอยเดินตามลูกตัวเล็กที่กำลังบ้าเดินสำรวจโลกก็มีน้องลง ต้องปล่อยให้คนอื่นช่วยทำแทนที (จากเดิมที่ขี้เกียจจะเดินตามอยู่แล้ว ก็เลยยิ่งขี้เกียจมากขึ้น) แต่โดยรวมแล้วฉันก็ยังคงมีแรงเล่นกับลูกได้ดี เพียงแต่ต้องอยู่ในห้องพื้นที่จำกัดจะได้ไม่ต้องวิ่งไล่ตามกันให้เหนื่อยมาก ส่วนจิตใจฉันก็คิดว่าฉันสู้ และต้องทำให้ได้ หิวแค่ไหนก็ต้องทน นอนนิ่งๆ เอา คิดถึงอาหารที่จะได้กินในวันหน้า 555 สามีฉันบอกว่าให้ตัดซะก่อนที่จะคิดถึงมันจะได้ไม่ทรมาน แต่ฉันทำไม่ได้ นอนคิดถึงอาหารแล้วมีกำลังใจเดินหน้าต่อไป บางทีขอยกอาหารมาดมให้ชื่นใจก็ยังดี เหมือนคนบ้าเลย
อีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ฉันสู้ไปได้เรื่อยๆ ก็คือการประกาศให้ชาวโลกได้รู้ เพื่อที่ตัวเองจะได้รู้สึกว่าแพ้ไม่ได้เดี๋ยวจะโดนประนาม 555  ปรากฎว่าก็ได้กำลังใจกลับมาดีพอสมควร แล้วฉันก็ผ่าน 7 วันไปได้ชนิดที่วันหลังๆ เริ่มที่จะทนไม่ไหวต้องนั่งปลอบใจตัวเองวันละหลายรอบเชียวล่ะ วันที่ทรมานที่สุดก็วันหลังๆ นี่ล่ะ เพราะเหมือนกับว่าร่างกายจะทนแบกรับความหิวไว้ไม่ไหวแล้ว ข้อดีคือมันใกล้วันที่จะเลิกแล้วก็เลยต้องทนต่อไปให้เสร็จสิ้น
วันสุดท้ายคือวันที่ 10 เป็นวันเลิกอด ต้องทำ colema ครั้งสุดท้ายในตอนเช้าแล้วจึงกินอาหารได้ ซึ่งอาหารที่ว่าก็คือมะละกอเป็นมื้อเช้า มื้อกลางวันกับเย็นเป็นผักนึ่ง หรือจะเป็นผักเอามาปั่นเหมือนอาหารเด็ก แต่ฉันทนกินผักนึ่งจืดๆ ไม่ได้หรอก ฉันก็เลยขอสร้างสรรค์นิดนึงเป็นผัดผักกับซีอิ๊วขาว แล้วก็เห็ดผัดกระเทียมพริกไทย ขออะไรที่มีรสชาตินิดนึงคงไม่ตายหรอกมั้ง (ทนไม่ไหวแล้วนิ) กินแล้วก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ฉันว่าพวกฝรั่งกลัวเกินเหตุ กลัวว่ากระเพราะจะทำงานหนักเกินไป ไม่รู้จักกระเพราะชาวไทยซะแล้วว่าแข็งแรงอดทนขนาดไหน ก็เล่นกินเผ็ดกันมาเกือบทั้งชีวิตขนาดนี้
ในที่สุดฉันก็ผ่านการอดล้างพิษ 10 วันไปได้โดยที่ผู้ดูแลชมว่าร่างกายฉันสามารถขับพิษได้ดี (จะมีการคุยกันเป็นระยะๆ เรื่องว่ามีอะไรออกมาบ้าง) แต่มันก็ไม่ได้ดีไปซะทั้งหมดหรอกนะ เพราะผ่านมาแล้วสองอาทิตย์ฉันว่าอาการภูมิแพ้ของฉันไม่หายขาดอย่างที่คิด แต่ก็น้อยลงล่ะ อาจเป็นไปได้ว่าฉันไม่ได้มีอาการภูมิแพ้จากอาหาร แต่น่าจะเป็นพวกไรฝุ่นซะมากกว่า (แย่สุดก็คงจะเป็นเกสรดอกไม้ เลี่ยงยากมาก)
ส่วนเรื่องน้ำหนัก สี่วันแรกน้ำหนักลดไป 3 กิโลกรัม ซึ่งทำให้ฉันมีความหวังว่าหมดคอร์สแล้วน้ำหนักฉันน่าจะลดสัก 6 กิโลกรัม แต่แท้จริงแล้วมันก็ไม่ได้ลดเพิ่มลงไปแต่อย่างใด แต่ทุกคนก็ลงความเห็นว่าฉันดูผอมลงไปพอสมควร (อย่างน้อยน้ำหนักฉันก็ได้แตะเลข 5 ซะทีล่ะ) ผ่านมาสองอาทิตย์น้ำหนักที่ลดก็คงที่อยู่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาแต่อย่างใด กินอาหารได้น้อยลง และยังคงมีโอกาสได้เข้าคลาสฝึกโยคะอย่างต่อเนื่องอาทิตย์ละ 3 วัน ^_^
โดยรวมแล้วฉันพอใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปนะแม้อาการภูมิแพ้จะไม่หายขาด น้ำหนักที่ลดลงไม่มากเท่าที่คิดไว้ แต่สิ่งที่ฉันได้กลับมาก็คือโอกาสในการได้ฝึกโยคะอย่างจริงจังและถูกต้อง ถามว่าปีหน้าฉันจะกลับมาทำโปรแกรมนี้อีกมั้ย? คำตอบคือ “ไม่” เพราะฉันคิดว่ามันโหดเกินไปกับการต้องอดอาหารขนาดนั้น แต่ฉันจะทำอีกด้วยวิธีการแบบไทยๆ ของนพ.บรรจบแห่งบัลวีแน่นอน

1 comment:

  1. พี่อิ๋ว แหม่มก็ทำ colonic detox เหมือนกัน ทำมาเรื่อยๆเลย (แต่ตอนนี้หยุดไปพักนึงแล้ว) ไปทำที่สถาบัน hydrohealth น่ะ (ทำเองอยู่กับบ้านได้ด้วยเหรอ) มีทำนวดต่อมน้ำเหลืองขับสารพิษกับ infrared sauna ด้วย ส่วน liver flush ตอนแรกว่าจะทำแต่กลัวเพราะต้องกินแต่ grapefruit กับน้ำมันมะกอกผสมกับอะไรของเค้าซักอย่าง รู้สีกเครียดเพราะเป็นคนกินยากมากๆคาดว่าทนกินไม่ได้แน่นอน แล้วเราไม่ได้กินเหล้าสูบบุหรี่ ตับเราก็ไม่มีปัญหาอะไรมั้ง (เข้าข้างตัวเอง)

    แต่ยังไงก็ยังไม่ถึงขั้นทำ detox แบบอดอาหารแบบพี่อิ๋วหรอกนะ ทนไม่ได้แน่ๆ

    ReplyDelete